ใบงานที่ 3.2
ใบงานที่ 3.2
การจัดการทูเพิล
1. นักเรียนสามารถจัดการข้อมูลลิสต์ได้
ทูเพิลมีลักษณะโครงสร้างคล้ายกับลิสต์ คือ สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมาก ๆ ในตัวแปรเดียวกัน แต่ทูเพิลจะเก็บข้อมูลคงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก ทำให้ตำแหน่งของข้อมูลคงที่แน่นอนการเข้าถึงข้อมูลของทรูเพิลจึงได้รวดเร็วกว่า การเข้าถึงข้อมูลของลิตส์ การเข้าถึงข้อมูลโดยการระบุเลขดัชนีเช่นเดียวกัน แต่ที่แตกต่างกัน และไม่สามารถเพิ่มลบข้อมูลได้โดยตรง จึงทำให้ต้องรู้ นอกจากนี้เมื่อต้องการเปลี่ยนชนิดข้อมูลจากทูเพิลไปเป็นลิสต์ สามารถใช้ฟังก์ชัน list() ได้ในทางกลับกัน สามารถเปลี่ยนจากลิสต์เป็นทูเพิลได้เช่นเดียวกัน ด้วยฟังก์ชัน tuple() ซึ่งเหมาะสำหรับแก้ปัญหาในกรณีที่ทูเพิลไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ จึงเปลี่ยนให้เป็นลิสต์เสียก่อนแล้วจึงเปลี่ยนแปลงข้อมูล หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนกลับเป็นทูเพิลดังเดิม คำสั่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทูเพิล มีดังตัวอย่างต่อไปนี้
1.การสร้างทรูเพิล มายถึง การสร้างตัวแปรเก็บข้อมูลแบบทรูเพิล มีวิธีการ คือ การกำหนดชื่อทรูเพิล และมีเครื่องหมายเท่ากับ (=) จากนั้นใช้เครื่องหมายวงเล็บเปิด “(“ ข้อมูลที่ต้องการเก็บอยู่ในเครื่องหมายวงเล็บเปิดและปิด ถ้าต้องการเก็บข้อมูลที่เป็นตัวเลขใช้เพียงเครื่องหมายจุลภาค (,) คั่นกลางระหว่างข้อมูล แต่ถ้าเป็นข้อมูลชนิดสายอักขระให้พิมพ์ไว้ในเครื่องหมายอัญประกาศ("") และเปิดท้ายด้วยเครื่องหมายวงเล็บปิด “)”
รูปแบบคำสั่ง
ชื่อทรูเพิล= ( ข้อมูลลำดับที่0, ข้อมูลลำดับที่1, ข้อมูลลำดับที่2, ...,ข้อมูลลำดับสุดท้าย )
2. การเข้าถึงทรูเพิล
รูปแบบคำสั่ง
คำสั่งที่ต้องการเข้าถึงข้อมูล ชื่อทรูเพิล [ดัชนีชี้ตำแหน่งข้อมูล]
3. การแปลงลิสต์เป็นทูเพิล
ชื่อตัวแปรลิสต์ = tuple ( ชื่อตัวแปรลิตส์ )
4. การแปลงทูเพิลเป็นลิสต์
ชื่อตัวแปรลิตส์ = list ( ชื่อตัวแปรลิสต์)
ทดลอง
#!/usr/bin/python
MyTuple1 = ("Somchai","Somsak","Somporn", "Somsri")
การทำงานของคำสั่ง…เก็บข้อมูลในวงเล็บไปไว้ใน MyTuple1
print ('MyTuple1 : =========================')
print (MyTuple1)
การทำงานของคำสั่ง…นำคำในวงเล็บมาแสดงทั้งหมด คำว่า ('Somchai', 'Somsak', 'Somporn', 'Somsri')
print ('MyTuple1 : 1=======================')
print MyTuple1[1]
การทำงานของคำสั่ง…นำคำสุดท้ายของในวงเล็บมาแสดง คำว่า Somsri
print ('MyTuple1 : -1=====================')
print MyTuple1[-1]
การทำงานของคำสั่ง…นำคำแรกสุดในวงเล็บมาแสดง คำว่า Somchai
Mylist1 = list(MyTuple1)
การทำงานของคำสั่ง…เก็บข้อมูลจาก MyTuple1 มาเก็บไว้ใน Mylist1
print ('Mylist1===========================')
print (Mylist1)
การทำงานของคำสั่ง…นำคำใน MyTuple1 มาแสดงทั้งหมด คำว่า ('Somchai', 'Somsak', 'Somporn', 'Somsri')
Mylist1.pop (0)
การทำงานของคำสั่ง...นำคำว่า Somchai มาแสดง
print ('Mylist1===========================')
print (Mylist1)
การทำงานของคำสั่ง…นำคำว่า ( 'Somsak', 'Somporn', 'Somsri') มาแสดง
MyTuple1 = tuple(Mylist1)
การทำงานของคำสั่ง…นำคำใน Mylist1 มาเก็บไว้ใน MyTple1
print ('MyTuple1===========================')
print (MyTuple1)
การทำงานของคำสั่ง…นำคำใน MyTuple1 มาแสดงคำว่า ('Somsak', 'Somporn', 'Somsri')
การจัดการทูเพิล
1. นักเรียนสามารถจัดการข้อมูลลิสต์ได้
ทูเพิลมีลักษณะโครงสร้างคล้ายกับลิสต์ คือ สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมาก ๆ ในตัวแปรเดียวกัน แต่ทูเพิลจะเก็บข้อมูลคงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก ทำให้ตำแหน่งของข้อมูลคงที่แน่นอนการเข้าถึงข้อมูลของทรูเพิลจึงได้รวดเร็วกว่า การเข้าถึงข้อมูลของลิตส์ การเข้าถึงข้อมูลโดยการระบุเลขดัชนีเช่นเดียวกัน แต่ที่แตกต่างกัน และไม่สามารถเพิ่มลบข้อมูลได้โดยตรง จึงทำให้ต้องรู้ นอกจากนี้เมื่อต้องการเปลี่ยนชนิดข้อมูลจากทูเพิลไปเป็นลิสต์ สามารถใช้ฟังก์ชัน list() ได้ในทางกลับกัน สามารถเปลี่ยนจากลิสต์เป็นทูเพิลได้เช่นเดียวกัน ด้วยฟังก์ชัน tuple() ซึ่งเหมาะสำหรับแก้ปัญหาในกรณีที่ทูเพิลไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ จึงเปลี่ยนให้เป็นลิสต์เสียก่อนแล้วจึงเปลี่ยนแปลงข้อมูล หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนกลับเป็นทูเพิลดังเดิม คำสั่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทูเพิล มีดังตัวอย่างต่อไปนี้
1.การสร้างทรูเพิล มายถึง การสร้างตัวแปรเก็บข้อมูลแบบทรูเพิล มีวิธีการ คือ การกำหนดชื่อทรูเพิล และมีเครื่องหมายเท่ากับ (=) จากนั้นใช้เครื่องหมายวงเล็บเปิด “(“ ข้อมูลที่ต้องการเก็บอยู่ในเครื่องหมายวงเล็บเปิดและปิด ถ้าต้องการเก็บข้อมูลที่เป็นตัวเลขใช้เพียงเครื่องหมายจุลภาค (,) คั่นกลางระหว่างข้อมูล แต่ถ้าเป็นข้อมูลชนิดสายอักขระให้พิมพ์ไว้ในเครื่องหมายอัญประกาศ("") และเปิดท้ายด้วยเครื่องหมายวงเล็บปิด “)”
รูปแบบคำสั่ง
ชื่อทรูเพิล= ( ข้อมูลลำดับที่0, ข้อมูลลำดับที่1, ข้อมูลลำดับที่2, ...,ข้อมูลลำดับสุดท้าย )
2. การเข้าถึงทรูเพิล
รูปแบบคำสั่ง
คำสั่งที่ต้องการเข้าถึงข้อมูล ชื่อทรูเพิล [ดัชนีชี้ตำแหน่งข้อมูล]
3. การแปลงลิสต์เป็นทูเพิล
ชื่อตัวแปรลิสต์ = tuple ( ชื่อตัวแปรลิตส์ )
4. การแปลงทูเพิลเป็นลิสต์
ชื่อตัวแปรลิตส์ = list ( ชื่อตัวแปรลิสต์)
ทดลอง
#!/usr/bin/python
MyTuple1 = ("Somchai","Somsak","Somporn", "Somsri")
การทำงานของคำสั่ง…เก็บข้อมูลในวงเล็บไปไว้ใน MyTuple1
print ('MyTuple1 : =========================')
print (MyTuple1)
การทำงานของคำสั่ง…นำคำในวงเล็บมาแสดงทั้งหมด คำว่า ('Somchai', 'Somsak', 'Somporn', 'Somsri')
print ('MyTuple1 : 1=======================')
print MyTuple1[1]
การทำงานของคำสั่ง…นำคำสุดท้ายของในวงเล็บมาแสดง คำว่า Somsri
print ('MyTuple1 : -1=====================')
print MyTuple1[-1]
การทำงานของคำสั่ง…นำคำแรกสุดในวงเล็บมาแสดง คำว่า Somchai
Mylist1 = list(MyTuple1)
การทำงานของคำสั่ง…เก็บข้อมูลจาก MyTuple1 มาเก็บไว้ใน Mylist1
print ('Mylist1===========================')
print (Mylist1)
การทำงานของคำสั่ง…นำคำใน MyTuple1 มาแสดงทั้งหมด คำว่า ('Somchai', 'Somsak', 'Somporn', 'Somsri')
Mylist1.pop (0)
การทำงานของคำสั่ง...นำคำว่า Somchai มาแสดง
print ('Mylist1===========================')
print (Mylist1)
การทำงานของคำสั่ง…นำคำว่า ( 'Somsak', 'Somporn', 'Somsri') มาแสดง
MyTuple1 = tuple(Mylist1)
การทำงานของคำสั่ง…นำคำใน Mylist1 มาเก็บไว้ใน MyTple1
print ('MyTuple1===========================')
print (MyTuple1)
การทำงานของคำสั่ง…นำคำใน MyTuple1 มาแสดงคำว่า ('Somsak', 'Somporn', 'Somsri')
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น